ประวัติวัดประชาสันติ ในครั้งที่คณะพระกรรมฐานในสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตนำโดยหลวงปู่เทสก์ เทศรังสี ได้เดินทางมาอบรมศีลธรรมให้ญาติโยมทางภาคใต้แถบจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ หลวงปุ่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต หลวงปู่สาม อภิญจโน หลวงปู่คำพอง ติสโส และพระสงฆ์อีกหลารูปก็ติดตามมาด้วย โดยครั้งนั้นแต่ละรูปได้แยกย้ายกันไปสร้างวัดในแต่ละพื้นที่ โดยหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ได้เดินธุดงค์มาทางอำเภอเมือง แวะจำพรรษาที่วัดสวนพริก (วัดสันติวราราม) ซึ่งหลวงปู่มหาปิ่น ได้มาสร้างเอาไว้ จากนั้นจึงได้รับศรัทธาญาติโยมนิมนต์มรับบิณฑบาตในตลาดพังงา
ทำเนียบเจ้าอาวาส (วัดประชาสันติ จังหวัดพังงา)
เนียบเจ้าอาวาสวัดประชาสันติ จังหวัดพังงา 1.หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก (พ.ศ. 2496-2502) 2.หลวงปู่กัน ธนสาโร เป็นเจ้าอาวาสรูปที่สอง (พ.ศ.2502-2523) 3.พระอาจารย์เชือน ปภัสสโร เป็นเจ้าอาวาสรูปที่สาม (พ.ศ.2523-ปัจจุบัน)
จิตพัก
จิตพัก (ธรรมะโดยพระครูโพธิธรรมประภาส หรือพระอาจารย์เชือน ปภัสสโร วัดประชาสันติ) การภาวนา พอเราภาวนาไปเรื่อยๆ จนจิตมันสงบได้ที่ของมันแล้ว อย่างที่เคยบอก บางทีมันก็จะมีการหลบในนะ คือเวลามันสงบแล้วแทนที่มันจะสอดส่องไปพิจารณากาย พิจารณาธาตุขันธ์ มันไม่ทำ มันพักอยู่เฉยๆ ของมัน แต่สติยังรู้อยู่ตลอด แต่ไม่ทำอะไร นี่คือจิตหลบใน มันก็พักของมันบ้างสิ เหมือนร่างกายของคนเรานี่แหละ ทำงานมาหนักแล้วถึงจุดๆ หนึ่งมันก็ต้องพัก พักเพื่อที่จะเก็บแรงแล้วทำงานต่อไป อันนี้เหมือนกันกับจิตเราแหละนะ
ความสำเร็จ
ความสำเร็จ (ธรรมะโดยพระครูโพธิธรรมประภาส หรือพระอาจารย์เชือน ปภัสสโร วัดประชาสันติ) มีพระรูปหนึ่งบวชมาได้ 1 พรรษา มาขอลาสึกกับท่านอาจารย์ ท่านก็เลยถามเหตุผลที่จะสึก พระก็เลยกราบเรียนว่าจะต้องไปรับปริญญาที่กรุงเทพ เพราะว่าเรียนจบแล้วมาบวชก่อน แล้วท่านอาจารย์ก็เลยเมตตาให้โอวาทถึงเรื่องความสำเร็จในการศึกษาว่า ความสำเร็จของการศึกษานี่ มันสำเร็จที่เวลาแป๊บเดียวเท่านั้นแหละคุณดูสิ อุตส่าห์เรียนมาตั้งนานนะ มาสำเร็จนิดเดียวตรงตอนรับปริญญานี่แหละ มันสำเร็จอยู่ตรงนั้น ตอนรับนี่มันปลาบปลื้มยินดีกันไม่เสร็จแหละ พอมาคิดย้อนหลังก็คิดว่าเออ นี่ถ้ารู้ว่าตั้งใจเรียนแบบนี้แล้วจบเร็วก็ทำมันเสียตั้งนานแล้ว อันหนึ่งเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ช่วงเวลาที่ได้สำเร็จมรรคผลขึ้นมานี่ ก็ชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้นแหละ
นักโทษแดนประหาร
นักโทษแดนประหาร (ธรรมะโดยพระครูโพธิธรรมประภาส หรือพระอาจารย์เชือน ปภัสสโร วัดประชาสันติ) ลองมาพิจารณาดูสิ คนเราทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ที่เกิดมานี่ก็เหมือนนักโทษที่ถูกศาลสถิตย์ยุติธรรมตัดสินโทษประหารชีวิตแล้วด้วยกันทั้งนั้น คือต้องตายด้วยกันทุกคน ไม่มียกเว้นเลย เพียงแต่ใช้ชีวิตรอวันตายเท่านั้น รอดูว่าจะตาย จะถูกประหารด้วยวิธีไหน จะด้วยโรคชรา อุบัติเหตุ หรืออะไรต่างๆ นานา ทีนี้ก็กลัวไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่จะมาหาอย่างแน่นอน ไม่มียกเว้น ต้องตายด้วยกันทุกคน อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น เราทุกคนก็ต้องใช้ชีวิตที่มีเหลืออยู่ให้คุ้มค่าอย่างที่สุด ทำดีให้มากที่สุด